มัมมี่

ท่ามกลางผืนทรายอันแห้งแล้งและกว้างใหญ่ของแอ่งทาริมในประเทศจีน ตะวันออกกลางของเอเชีย ทรายที่ร้อนระอุได้กักเก็บความลับของอดีตไว้เป็นเวลานับพันปี นั่นคือ มัมมี่แห่งแอ่งทาริม ร่างกายที่แห้งเหือดแต่ยังคงร่องรอยของชีวิตเมื่อหลายพันปีก่อน กำลังเผยเรื่องราวอันน่าทึ่งผ่านสายใย DNA และร่องรอยทางโบราณคดี ที่อาจพลิกโฉมความเข้าใจของเราเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การอพยพและการผสมผสานทางวัฒนธรรมในทวีปยูเรเชีย ลองจินต.. ดูเพิ่ม

ท่ามกลางมัมมี่หลายพันร่างที่ถูกค้นพบทั่วดินแดนแห่งไอยคุปต์ มีเพียงมัมมี่หนึ่งเดียวที่นักวิทยาศาสตร์และนักอียิปต์วิทยายอมรับตรงกันว่า “ไม่ควรแตะต้อง” — มัมมี่ของ "บาชิรี" แม้ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์และการสแกนภาพสามมิติล้ำหน้าเพียงใด นักวิจัยกลับปฏิเสธที่จะคลี่ผ้าพันแผลที่ห่อหุ้มร่างของบาชิรีออก เพราะเหตุผลอันน่าทึ่งและลึกซึ้ง: ไม่มีมนุษย์คนใด หรือเทคโนโลยีใดในโลก ที่สามารถทำใ.. ดูเพิ่ม

ท่ามกลางหุบเขาอันห่างไกลของปาปัวนิวกินี มีชนเผ่าดั้งเดิมที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมอันเก่าแก่ไว้อย่างแน่นแฟ้น — นั่นคือ เผ่าดานิ (Dani) ซึ่งมีหนึ่งในพิธีกรรมที่ทั้งน่าทึ่งและน่าเกรงขาม นั่นคือ การทำมัมมี่โดยการรมควัน เพื่อเก็บรักษาร่างของบุคคลสำคัญในเผ่าไว้เป็นอนุสรณ์ของความเคารพอย่างยิ่งยวด กรรมวิธีนี้แตกต่างจากการทำมัมมี่แบบอียิปต์โดยสิ้นเชิง แทนที่จะนำร่างไปพันผ้าหรือใส่ในโลงศิลาศักดิ์สิทธ.. ดูเพิ่ม

เมื่อปี 1922 นักโบราณคดีชาวอังกฤษ โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ (Howard Carter) ได้ค้นพบ ห้องฝังศพของฟาโรห์ตุตันคามุน (King Tutankhamun) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในการค้นพบทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษ ภายในห้องฝังศพที่ถูกปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนานี้ เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติและสิ่งของอันวิจิตรบรรจงที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของอารยธรรมอียิปต์โบราณ โลงศพสามชั้นและหน้ากากทองคำ จุดศูนย์กลางของห้องฝังศพคือ โลงหินควอตซ์.. ดูเพิ่ม

สุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ ยังคงเป็นปริศนาสำหรับโลกมาตลอด โดยล่าสุด นักโบราณคดีค้นพบมัมมี่ของสาวใช้ในวัง ที่กำลังตั้งครรภ์ ในหลุมฝังศพที่อยู่ติดกับหลุมศพของกษัตริย์ ผู้โหดร้ายองค์นี้ ในประวัติศาสตร์จีน ประเพณีการฝังศพเพื่อบูชายัญ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงราชวงศ์ฉิน ประเพณีนี้ได้รับความนิยมและป่าเถื่อนมากกว่าที่เคย ถึงแม้แต่สตรีมีครรภ์ก็ต้องปฏิบัติตามประเพณี อันน่าสยองขวัญนี้ด้วย อย่าง.. ดูเพิ่ม

ทีมนักโบราณคดีได้ค้นพบมัมมี่หญิงลึกลับอายุ 1,300 ปี ที่แหล่งโบราณคดี Huaca Pucllana ในกรุงลิมา ประเทศเปรู สิ่งที่ทำให้การค้นพบนี้น่าตื่นตะลึงคือ ดวงตาสีฟ้าอันโดดเด่น ของเธอ ซึ่งอาจเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติของมัมมี่ ● มัมมี่หญิงชนชั้นสูงกับพิธีฝังศพลึกลับ มัมมี่ถูกพบในท่านั่ง โดยมีวัตถุเซรามิกและตะกร้าประดับด้วยสิ่งทอวางล้อมรอบ ซึ่งบ่งชี้ว่าเธออาจเป็นบุคคลสำคัญของอารยธรรม วารี (Wari) อารยธรรมก่อ.. ดูเพิ่ม

เมื่อพูดถึงมัมมี่ หลายคนอาจนึกถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ แต่ในความเป็นจริง มัมมี่อียิปต์โบราณกลับมีกลิ่นที่หอมอย่างน่าประหลาดใจ! นักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีที่เคยทำงานใกล้ชิดกับมัมมี่อธิบายว่ากลิ่นของพวกมันเป็นการผสมผสานระหว่างกลิ่นดินแห้ง, ยางไม้ และกระดาษเก่า บางครั้งอาจมีกลิ่นคล้ายวานิลลาและไม้สน ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้สมุนไพรและเรซินในกระบวนการดองศพ ชาวอียิปต์โบราณไม่ได้ใช้เพียงแค่เกลือในการรักษ.. ดูเพิ่ม

นักโบราณคดีค้นพบมัมมี่หญิงในสภาพที่น่าทึ่งใกล้กับเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) โดยลักษณะเด่นที่สร้างความประหลาดใจคือขนตาที่ยาวและเส้นผมที่ยังสมบูรณ์แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 900 ปี มัมมี่ดังกล่าวถูกพบในสภาพถูกห่อด้วยทองแดงและขนสัตว์ ซึ่งช่วยรักษาร่างของเธอจากการเน่าเปื่อยภายใต้ดินเย็นจัดของศตวรรษที่ 12 เมื่อเปิดเปลือกห่อออก นักวิทยาศาสตร์สามารถเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน ขนตายาวและฟันที่ยังคงสม.. ดูเพิ่ม

Suebi เส้นผมปมผมปริศนาลึกลับที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มาเป็นเวลา 2,000 ปี Suebi ซึ่งเป็นกลุ่มนักรบดั้งเดิมจากภูมิภาคบอลติก จัดแต่งทรงผมโดยแบ่งออกเป็นสองปอยผูกไว้ที่ด้านข้างของศีรษะ ซึ่งเป็นสไตล์ที่เรียกว่า "ปม Suebi" ทรงผมที่โดดเด่นนี้มีจุดประสงค์สองประการ เพื่อข่มขู่ศัตรูและเพื่อแสดงสถานะทางสังคมภายในชุมชนของพวกเขา มีเพียงนักรบและขุนนางเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ปมนี้ ทำให้เป็นเครื่องหมายแห่งยศและควา.. ดูเพิ่ม

พบมัมมี่หญิงสาวอายุกว่า 3,000 ปี สภาพสมบูรณ์ พร้อมผมถักเปีย ย้อนไปถึงอาณาจักรใหม่ในอียิปต์ มัมมี่ของหญิงสาวนิรนามจากยุคอียิปต์โบราณ ซึ่งมีอายุระหว่าง 1550-1069 ปีก่อนคริสตกาล ถูกค้นพบในสภาพสมบูรณ์น่าทึ่ง โดยผมเปียของเธอยังคงสภาพสมบูรณ์ มีความเป็นไปได้ว่าเธอไม่ได้มาจากชนชั้นราชวงศ์ เนื่องจากท่าทางการฝังศพและคุณภาพของการทำมัมมี่ที่ยังคงมีอวัยวะสำคัญอย่างตับ ม้าม และส่วนหนึ่งของสมองหลงเหลืออยู่ในร่า.. ดูเพิ่ม

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบซากแรดขนยาวอายุ 32,000 ปี ที่ถูกมัมมี่ไว้ในน้ำแข็งไซบีเรีย โดยเชื่อว่าถูกนักล่ากินบางส่วนเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ซากนี้ยังคงมีผิวหนังและขนหลงเหลืออยู่ทางด้านขวา ขณะที่ด้านซ้ายเสียหายอย่างหนัก ซึ่งบ่งบอกว่าแรดตัวนี้อาจถูกทำร้ายก่อนหรือหลังการตาย จากการศึกษาที่เผยแพร่โดยสถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซียและสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งสาธารณรัฐซาฮา พบว่าช่องท้องของแรดถูกเปิดออก และลำไส้ส่วนใหญ่หายไป น.. ดูเพิ่ม

เผ่าดานิ (Dani) แห่งปาปัวนิวกินีเป็นหนึ่งในชนเผ่าพื้นเมืองที่ยังคงรักษาประเพณีและวิถีชีวิตโบราณไว้อย่างน่าทึ่ง หนึ่งในธรรมเนียมปฏิบัติที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจที่สุดของพวกเขาคือการทำ "มัมมี่รมควัน" ซึ่งเป็นวิธีที่พวกเขาใช้ในการเก็บรักษาร่างของบุคคลสำคัญในเผ่า โดยเฉพาะหัวหน้าเผ่า ผู้ที่ได้รับความเคารพจากคนในชุมชนอย่างสูงสุด กระบวนการทำมัมมี่นี้เริ่มต้นด้วยการจัดเตรียมร่างของผู้เสียชีวิต โดยการรมควั.. ดูเพิ่ม

เมื่อพูดถึงมัมมี่หลายคนอาจนึกถึงอียิปต์ที่มีวิธีการทำมัมมี่อันซับซ้อน แต่รู้หรือไม่ว่าในอิตาลีเองก็มีมัมมี่แถมยังเป็นมัมมี่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติด้วย! มัมมี่แห่งเวนโซเนเป็นกลุ่มมัมมี่หลายร่างที่มีผู่ค้นพบในเมืองเวนโซเน ประเทศอิตาลี ในศตวรรษที่ 16 ที่ถูกทำให้กลายเป็นมัมมี่โดยกระบวนการทางธรรมชาติโดยมีสมมติฐานที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือองค์ประกอบทางธรรมชาติหลายประการที่ประจวบเหมาะรวมถึงอุณหภูมิและ.. ดูเพิ่ม

มนุษย์โทลลันด์ (Tollund Man) เป็นหนึ่งในร่างมัมมี่ธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เขาเป็นชายที่อาศัยอยู่ในช่วงยุคเหล็กก่อนโรมัน ราวศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล หรือประมาณ 2,400 ปีก่อน ร่างของเขาถูกค้นพบในหนองบึงแห่งหนึ่งบนคาบสมุทรจัตแลนด์ ประเทศเดนมาร์ก เมื่อปี ค.ศ. 1950 สิ่งที่ทำให้การค้นพบนี้เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจคือสภาพการเก็บรักษาร่างกายของเขาที่คงความสมบูรณ์ไว้อย่างน่าทึ่งมนุษย์โทลลันด์ เป็นหน.. ดูเพิ่ม

บทนำ: ตำนานมัมมี่สุดสะพรึงที่ยังหลอกหลอนจนถึงปัจจุบัน เมื่อพูดถึงเรื่องราวสยองขวัญจากอียิปต์โบราณ คงไม่มีอะไรที่จะน่ากลัวไปกว่า "มัมมี่" ศพที่ถูกห่อด้วยผ้าขาวและเก็บรักษาไว้อย่างดีในสุสานลึกลับตามธรรมเนียมอียิปต์โบราณ แต่ตำนานที่น่ากลัวกว่านั้น คือเรื่องราวของมัมมี่ที่คืนชีพขึ้นมาเพื่อตามล่าผู้บุกรุกที่เข้าไปในสุสานเพื่อขโมยสมบัติล้ำค่า หากคุณเป็นคนที่ชอบเรื่องราวสยองขวัญและตำนานลึกลับจากอียิปต์โ.. ดูเพิ่ม

บทนำ: ตำนานคำสาปแห่งฟาโรห์ พีระมิดกิซ่า หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ยังมีเรื่องเล่าขานถึงคำสาปฟาโรห์ที่น่าขนลุก ว่ากันว่าใครก็ตามที่กล้ารบกวนหลุมศพของฟาโรห์จะต้องพบกับความตายอันโหดร้าย เรื่องราวของคำสาปฟาโรห์เต็มไปด้วยความลึกลับและอาถรรพ์ที่ยังคงท้าทายความเชื่อของผู้คนทั่วโลก ต้นกำเนิดของคำสาป: การค้นพบหลุมศพฟาโรห์ คำสาปฟาโรห์.. ดูเพิ่ม

ในสมัยยุควิคตอเรียน ประมาณช่วงปี 1800 มัมมี่ไม่ได้รับความเคารพที่ควรจากชนชั้นสูงในยุโรป แต่ก็ยังมีการซื้อมัมมี่จากพ่อค้าริมถนนเพื่อใช้เป็นไฮไลท์ในงานเลี้ยงและการชุมนุมทางสังคมในศตวรรษที่ 18 (งานเลี้ยงแกะมัมมี่ - รสนิยมคนในยุคนั้นนี่แปลกจริงๆ ไม่อาจจะเข้าใจได้เลยในมุมมองคนปัจจุบันเด้อครับเด้อ ) ในช่วงนี้ ซากมัมมี่ที่ได้รับการเก็บรักษาอย่างดีของชาวอียิปต์โบราณมักถูกบดเป็นผงและใช้เป็นยารักษาโรค (อื้.. ดูเพิ่ม

สื่อนอกรายงานว่า "กระทรวงการท่องเที่ยวและโบราณวัตถุของอียิปต์ ได้ออกมาประกาศถึงการค้นพบสุสาน จากยุคอาณาจักรใหม่ ของอียิปต์โบราณ บริเวณแหล่งฝังศพทูนาเอลเกเบล แถวเขตผู้ว่าการมินยา ทางตอนใต้ของประเทศอียิปต์..." เลขาธิการสภาสูงด้านโบราณคดี "มอสตาฟา วาซิริ" ของอียิปต์กล่าวว่า "สุสานนี้มีอายุราว 3,400 ปี เป็นของขุนนางอาวุโสและปุโรหิต ถูกค้นพบในพื้นที่อัลกูไรฟา โดยทีมภารกิจโบราณคดีของอียิปต์ที่นำโดยสภา .. ดูเพิ่ม